Contents
รับจดทะเบียนบริษัท
ราคาพิเศษ 9,500 บาท *** (ราคารวม VAT7%) ไม่มีจ่ายเพิ่ม
หมายเหตุ
*** ทุนจดทะเบียนไม่เกิน 5 ล้านบาท
หากทุนจดทะเบียนเกิน 5 ล้านบาท ติดต่อพนักงานเพื่อสอบถามรายละเอียด
*********************
สิ่งที่ลูกค้าได้รับ
ฟรี จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
ฟรี ออกแบบตรายางให้ 3 แบบ
ฟรี ตรายางหมึกในตัว 1 อัน
ฟรี เอกสารสำหรับเปิดบัญชีธนาคาร
ฟรี แบบฟอร์มเอกสารทางบัญชี
ฟรี นามบัตรสำหรับออกใบกำกับภาษี
ฟรี คอร์สอบรมผู้ประกอบการใหม่ (มูลค่า 5,900 บาท)
ใบสำคัญจดทะเบียนพาณิชย์
หนังสือรับรองบริษัท
รายละเอียดวัตถุประสงค์บริษัท
รายงานการประชุมตั้งบริษัท
หนังสือบริคณห์สนธิ (บอจ.2)
รายการจดทะเบียนจัดตั้ง (บอจ.3)
สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5)
ออกแบบเว็บไซต์ องค์กร/หน่วยงาน ราคาพิเศษ 5,000 บาท
*** สิทธิพิเศษมากมาย โปรดติดต่อ Line@ : @chonlatee เพื่อรับข้อเสนอ หรือสอบถาม โทร : 083-622-5555
รับจดทะเบียนบริษัท
ให้บริการด้านการจัดตั้งธุรกิจ จดทะเบียนบริษัท ทุกประเภททั่วไทย รับเป็นที่ปรึกษาด้านบัญชี ภาษี ตรวจสอบ ภายใน เขียนแผนธุรกิจ การตลาดสื่อโฆษณา การเงิน แรงงาน กฎหมาย ด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์ พร้อมด้วย บริการอย่างมีประสิทธิภาพ ราคาเป็นธรรมและซื่อสัตย์ตรง ไปตรงมา
บุคลากรของเราเป็นผู้ทำบัญชีที่ขึ้นทะเบียนกับกับทางกรมพัฒนา ธุรกิจการค้าและสภาวิชาชีพบัญชี(CPD) ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีวุฒิภาวะ ความรับผิดชอบระดับหัวหน้ามาเป็นผู้จัดทำบัญชีให้กับลูกค้า โดยต้องมีการทำสัญญาและวางเงินค้ำประกันทำให้เกิดความรับผิดชอบสูง เน้นการให้บริการที่เหนือกว่าคู่แข่งการบริการมากกว่าและดีกว่า เช่น
1. ลูกค้าที่ใช้บริการงานจดทะเบียนและทำบัญชีจะได้สิทธิ์ทำเว็บไซต์ฟรี 1 ปี
2. บริการออกแบบ โลโก้ นามบัตร หัวบิล หัวจดหมาย เพจเฟสบุ๊ค สำหรับธุรกิจ
มุ่งเน้นลูกค้า SME เริ่มใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงในการจัดทำบัญชีและภาษี เป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนใหญ่ มีความต้องการที่ปรึกษาในช่วงเริ่มต้นธุรกิจในด้านต่างๆ เช่น การติดต่อกับส่วนราชการต่างๆ อาทิ กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมการท่องเที่ยว สำนักงานประกันสังคม สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ฯลฯ
สิ่งเหล่านี้เป็นการช่วยเหลือ ส่งเสริม ให้ลูกค้าของเราสามารถพัฒนาธุรกิจ
ให้เจริญ เติบโต มั่นคง และตลอดไป
เจ้าหน้าที่มืออาชีพ ประสบการณ์สูง
เจ้าหน้าที่มีประสบการณ์ยาวนานในการดำเนินงานที่หลากหลายธุรกิจ เราจึงเชี่ยวชาญและชำนาญพร้อมให้คำปรึกษาและช่วยเหลือ ได้ตรงกับประเภทธุรกิจของลูกค้า
บริการครบวงจร จบในที่เดียว
เราบริการตั้งแต่เริ่มจดทะเบียนบริษัท จนถึงการรับทำบัญชีรายเดือน รายปี และปิดงบประจำปี ยื่นภาษี ประกันสังคม
ราคายุติธรรม ประหยัด คุ้มค่า
เพราะเราดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน และใช้เทคโนโลยีช่วยในการจัดการ จึงลดต้นทุนของงานบริการได้อย่างดี
รับจดบริษัท รับจดทะเบียน หจก รับทำบัญชี รับตรวจสอบบัญชี รับวางแผนภาษี รับวางระบบบัญชี ที่ปรึกษาบัญชีภาษี คอร์สเรียนบัญชีภาษี รับปิดงบการเงิน
บริษัท ชลธี บิสซิเนส กรุ๊ป จำกัด
คือบริษัทฯ รับจดบริษัท ทั้งรูปแบบ จดบริษัทออนไลน์ และจดบริษัทแบบยื่นตรงที่กรมพัฒฯ รับทำบัญชี ตรวจสอบบัญชี วางแผนภาษี วางระบบบัญชี ที่มีคุณภาพ ซึ่งบริษัทฯ มีผู้สอบบัญชี ที่มีประสบการณ์ ในการทำงาน มายาวนาน และมีทีมงานที่มีคุณภาพ พร้อมให้บริการท่านเสมอ
“ประสบการณ์ในการ รับจดบริษัท ที่ยาวนาน กว่า 10 ปี และยอดการดำเนิน จดทะเบียนบริษัท กว่า 1,000 บริษัท ต่อปี เป็นเครื่องยืนยันการทำงานแบบมืออาชีพของเราได้เป็นอย่างดี ทำให้เรามีความเชี่ยวชาญในการให้บริการแก่ลูกค้าทุกท่าน พร้อมทั้งคำปรึกษาแนะนำเพื่อให้งาน จดทะเบียนบริษัท เป็นไปอย่างรวดเร็วและถูกต้องตามหลักของกฎหมาย และเพื่อให้ธุรกิจของลูกค้าได้ดำเนินไปด้วยความสะดวก มั่นคง และยั้งยืน”
ข้อดีของการใช้บริการจดทะเบียนบริษัทกับเรา
• ไม่มีค่าใช้จ่ายแอบแฝงเพิ่มเติม
• ไม่ผูกมัดบริการทำบัญชีรายเดือน
• ไม่ต้องเสี่ยงเดินทางเข้าพื้นที่แออัด ห่างไกล โควิด-19
• เรามีทีมงานมืออาชีพ ดำเนินงานแทนลูกค้าทุกขั้นตอน
• เจ้าหน้าที่มีประสบการณ์โดยตรงในงานจดทะเบียน
• มีทีมงานให้คำปรึกษาแก่ลูกค้า
• จัดทำเอกสารถูกต้องตามกฎหมาย
• มีอบรมเรื่องบัญชี ภาษี สำหรับผู้ประกอบการใหม่
• รับจดทะเบียนบริษัท ห่างไกล โควิด-19
ด้วยความชำนาญ และประสบการณ์ ในงานด้าน รับจดทะเบียนบริษัท กว่า 10 ปี มีลูกค้าไว้ใจให้เราดำเนินการจดทะเบียนบริษัท กว่า 1,000 ราย/ปี ลูกค้าที่จดทะเบียนบริษัทกับเรา จะได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์สูงสุด และเราจะพยายามรักษาสิทธิ์ต่างๆ ที่ลูกค้าพึงได้รับ เมื่อดำเนินการจดทะเบียน เพราะเราเล็งเห็นถึงความสำคัญของการเริ่มต้นธุรกิจ และการดำเนินธุรกิจในระยะยาวให้ประสบความสำเร็จและยั่งยืน ซึ่งคำแนะนำของเราล้วนเป็นเป็นประโยชน์ และช่วยเรื่องความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ
จดทะเบียนบริษัท
ในการจดทะเบียนบริษัท ถ้าได้ดําเนินการทุกขั้นนตอนดังต่อไปนี้ ภายในวันเดียวกับวันที่ผู้เริ่มก่อการจัดทํา หนังสือบริคณห์สนธิ กรรมการจะจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิและจดทะเบียนตั้งบริษัทไปพร้อมกันภายใน วันเดียวก็ได้
1. ผู้เริ่มก่อการตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ร่วมกันจัดทําหนังสือบริคณห์สนธิ
2. จัดให้มีผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นครบตามจํานวนหุ้นทั้งหมดที่บริษัทจะจดทะเบียน
3. ประชุมจัดตั้งบริษัท (โดยไม่ต้องออกหนังสือนัดประชุมตั้งบริษัท) เพื่อพิจารณากิจการต่างๆ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1108 โดยมีผู้เริ่มก่อการและผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นทุกคนเข้าร่วมประชุม (มอบฉันทะให้ผู้อื่นเข้าประชุมแทนได้) และผู้เริ่มก่อการ และผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นทุกคน ให้ความเห็นชอบในกิจการที่ ได้ประชุมกันนั้น
4. ผู้เริ่มก่อการได้มอบกิจการทั้งปวงให้แก่กรรมการบริษัท
5. กรรมการได้เรียกให้ผู้เข้าชื่อซื้อหุ้น ใช้เงินค่าหุ้น โดยจะเรียกครั้งเดียวเต็มมูลค่าหรือไม่น้อยกว่าร้อยละยี่สิบห้าของมูลค่าหุ้น ตามมาตรา 1110 วรรคสองก็ได้ และผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นทุกคนได้ชําระเงินค่าหุ้นเสร็จ เรียบร้อยแล้ว
ข้อมูลที่ต้องใช้ในการ รับจดทะเบียนบริษัท
1. ชื่อของบริษัท (ตามที่ได้จองชื่อไว้) *ดูหลักเกณฑ์การจองชื่อนิติบุคคล*
2. ที่ตั้งสํานักงานแห่งใหญ่ / สาขา (ตั้งอยู่ ณ จังหวัดใด) พร้อมเลขรหัสประจําบ้านของที่ตั้งสํานักงาน,
E-mail และหมายเลขโทรศัพท์ของบริษัทหรือกรรมการ
3. วัตถุที่ประสงค์ของบริษัทที่จะประกอบกิจการค่า *ดูหลักเกณฑ์การกําหนดวัตถุที่ประสงค์*
4. ทุนจดทะเบียน จะต้องแบ่งเป็นหุ้นๆ มีมูลค่าหุ้นเท่าๆ กัน (มูลค่าหุ้นจะต้องไม่ต่ํากว่า 5 บาท)
5. ชื่อ ที่อยู่ อาชีพ และจํานวนหุ้นที่ผู้เริ่มก่อการจองซื้อไว้
6. ชื่อ ที่อยู่ อายุ สัญชาติ ของพยาน 2 คน
7. อากรแสตมป์ 200 บาท
8. ข้อบังคับ (ถ้ามี)
9. จํานวนทุน (ค่าหุ้น) ที่เรียกชําระแล้ว อย่างน้อยร้อยละ 25 ของทุนจดทะเบียน
10. ชื่อ ที่อยู่ อายุของกรรมการ
11. รายชื่อหรือจํานวนกรรมการที่มีอํานาจลงชื่อแทนบริษัท (อํานาจกรรมการ) *ดูตัวอย่างการกําหนดอํานาจกรรมการ*
12. ชื่อ เลขทะเบียนผู้สอบบัญชีรับอนุญาตพร้อมค่าตอบแทน
13. ชื่อ ที่อยู่ สัญชาติ และจํานวนหุ้นของผู้ถือหุ้นแต่ละคน
14. ตราสําคัญ *ดูหลักเกณฑ์การกําหนดดวงตรา*
15. ที่ตั้งสํานักงานแห่งใหญ่สาขา
บริษัทจะไม่จดทะเบียนตราสําคัญของบริษัทก็ได้ หากว่าอํานาจกรรมการไม่ได้กําหนดให้ต้อง ประทับตราสําคัญด้วย
การลงลายมือชื่อในคำขอจดทะเบียน
การลงลายมือชื่อในคำขอจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ ผู้เริ่มก่อการทุกคนจะต้องลงลายมือชื่อด้วยตนเอง โดยเฉพาะผู้เริ่มก่อการซึ่งเป็นผู้ขอจดทะเบียน จะต้องมาลงลายมือชื่อในคำขอจดทะเบียนต่อหน้านายทะเบียนพร้อมแสดงบัตรประจำตัว หรือลงลายมือชื่อต่อหน้าพนักงานฝ่ายปกครอง ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในท้องถิ่นที่ผู้ลงลายมือชื่อมีภูมิลำเนา หรือสามัญสมาชิกหรือวิสามัญสมาชิกแห่งเนติบัณฑิตยสภาก็ได้
ซึ่งรายละเอียดดังกล่าว ทางบริษัท ชลธี บิสซิเนส กรุ๊ป จำกัด จะเป็นผู้ดำเนินการแทนท่าน เพียงแต่ท่านจะต้องเตรียมการข้อมูลดังต่อไปนี้ มายังทางบริษัทฯ
มาดูกันตั้งแต่เริ่มแรกการเปิดบริษัทใหม่
การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทอาจจะไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่มีเอกสารที่ต้องจัดทำค่อนข้างมาก และปัจจุบันทางกระทรวงพาณิชย์ได้ปรับเปลี่ยนให้การจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิและจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทสามารถจดในวันเดียวกันได้ ทำให้ระยะเวลาที่ใช้สั้นลง นอกจากนี้ยังลดจำนวนผู้เริ่มก่อการจาก 7 คนลดเหลือ 3 คน แต่ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าเรื่องเอกสารที่ต้องจัดทำยังเหมือนเดิมทุกอย่าง
1. ผู้ก่อการยื่นขอตรวจและจองชื่อบริษัท ด้วยแบบจองชื่อนิติบุคคล( จำหน่ายที่กรมทะเบียนการค้าราคาแผ่นละ 5 บาท) เพื่อตรวจสอบว่าชื่อที่จะใช้นั้นจะเหมือนหรืคล้ายกับชื่อที่คนอื่นได้จดทะเบียนไว้ก่อนหรือไม่ โดยยื่นแบบจองชื่อดังกล่าวแก่นายทะเบียนผู้ตรวจสอบชื่อ และปัจจุบันสามารถจองชื่อผ่านทางอินเตอร์เนตทางเว็บไซต์ https://oneaccounting.co.th/ ซึ่งจะทราบผลในวันถัดไปโดยจะแจ้งผลการจองชื่อผ่านทาง e-mail ของผู้จองชื่อนั้น เมื่อจองชื่อได้แล้วจะต้องขอจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิภายใน 30 วัน
2. เมื่อได้ชื่อแล้ว บุคคลซึ่งเป็นผู้ก่อการตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป เข้าชื่อกันจัดทำคำขอจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ์และเอกสารประกอบแล้วนำไปจดทะเบียน
3. เมื่อได้จดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิแล้ว ผู้ก่อการต้องจัดให้หุ้นของบริษัทที่คิดจะจัดตั้งขึ้นนั้น มีผู้เข้าชื่อจองซื้อหุ้นจนครบ
4. ดำเนินการประชุมจัดตั้งบริษัท โดยต้องส่งคำบอกกล่าวนัดประชุมให้ผู้จองหุ้นทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน ก่อนวันประชุม
5. เมื่อได้ประชุมตั้งบริษัท และที่ประชุมได้แต่งตั้งกรรมการบริษัทแล้ว ผู้เริ่มก่อการต้องมอบหมายกิจการให้กรรมการบริษัทรับไปดำเนินการต่อไป
6. กรรมการบริษัทจัดการเรียกให้ผู้เริ่มก่อการและผู้ขอจองหุ้น ชำระค่าหุ้นอย่างน้อยร้อยละ 25 ของมูลค่าหุ้น
7. เมื่อได้รับเงินค่าหุ้นแล้ว กรรมการต้องจัดทำคำขอจดทะเบียนตั้งบริษัทและเอกสารประกอบ นำไปจดทะเบียนเป็นบริษัทภายใน 3 เดือน หลังจากการประชุมตั้งบริษัท
จดทะเบียนบริษัทมีต่างชาติถือหุ้น
การจดทะเบียนบริษัทแบบมีต่างชาติ ถือหุ้น มี 2 กรณีด้วยกัน (คำถามที่มักพบบ่อย)
- จดทะเบียนบริษัท โดยมีคนสัญชาติอื่นที่ไม่ใช่สัญชาติไทย ถือหุ้นไม่เกิน 49% (เป็นบริษัทสัญชาติไทย ประกอบกิจการได้ทุกอย่างตามกฏหมายกำหนด)
- จดทะเบียนบริษัท โดยมีคนสัญชาติอื่นที่ไม่ใช่สัญชาติไทย ถือหุ้น 100% หรือเกิน 50% (เป็นบริษัทต่างด้าว ต้องขอใบประกอบธุรกิจต่างด้าว)
กรณีคนต่างด้าวลงทุนในบริษัทจำกัด ตั้งแต่ร้อยละ 40 แต่ไม่เกินร้อยละ 50 ของทุนจดทะเบียน หรือในกรณีมีคนต่างด้าวลงทุนในบริษัทจำกัดต่ำกว่าร้อยละ 40 ของทุนจดทะเบียนแต่คนต่างด้าวเป็นผู้มีอำนาจในการทำการแทนบริษัทจำกัด ให้ผู้ถือหุ้นที่มีสัญชาติไทยทุกคนส่งหลักฐานส่งหลักฐานแสดงที่มาของเงินลงทุนสอดคล้องกับเงินที่ชำระแล้วของผู้ถือหุ้นแต่ละรายอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
- สำเนาสมุดเงินฝากธนาคารหรือสำเนาใบแจ้งยอดบัญชีธนาคารย้อนหลัง 6 เดือนหรือ
- เอกสารที่ธนาคารออกให้เพื่อรับรองฐานะการเงินของผู้ถือหุ้นหรือ
- สำเนาหลักฐานแสดงแหล่งที่มาของเงินที่นำมาชำระค่าหุ้น
*กรณีที่กรรมการต่างชาติมีอำนาจลงนามในคำขอจดทะเบียนให้แนบสำเนาหนังสือเดินทางของกรรมการท่านนั้นมาเป็นเอสารประกอบการจดทะเบียน
*** จดทะเบียนบริษัทที่จังหวัดใด ในช่องของ เรียน นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท (ตามด้วยชื่อจังหวัดที่จดทะเบียนบริษัท) ให้ใส่ชื่อจังหวัดนั้นๆ
เอกสารประกอบคำขอ
บุคคลธรรมดา
1) แบบ ต. 2
2) สำเนาหนังสือเดินทางหรือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว
3) สำเนาทะเบียนบ้าน ใบสำคัญถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร หรือหลักฐานการได้รับอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
4) คำรับรองของผู้ขอรับใบอนุญาตแสดงว่าตนมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542
5) หนังสือแจ้งรายละเอียดของประเภทธุรกิจที่ขอรับใบอนุญาต
6) แผนที่แสดงที่ตั้งโดยสังเขปของสถานที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย
7) หนังสือมอบอำนาจในกรณีที่มีการมอบอำนาจให้บุคคลอื่นเป็นผู้กระทำแทน
8) หลักฐานหรือเอกสารอื่นๆ (ถ้ามี)
นิติบุคคลที่ไม่ได้จดทะเบียนในประเทศไทย
1) แบบ ต. 2
2) สำเนาหนังสือรับรองหรือหลักฐานการเป็นนิติบุคคลซึ่งแสดงรายการเกี่ยวกับชื่อ ทุน วัตถุประสงค์ ที่ตั้งสำนักงาน รายชื่อกรรมการและผู้มีอำนาจลงนามผูกพันนิติบุคคล
3) หนังสือแต่งตั้งผู้แทนโดยผู้มีอำนาจลงนามผูกพันนิติบุคคลที่ขอรับใบอนุญาตเป็นผู้แต่งตั้งให้มีหน้าที่รับผิดชอบ ดำเนินกิจการในประเทศไทยแทนนิติบุคคล
4) สำเนาหนังสือเดินทาง ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว หรือสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้แทนที่ได้รับแต่งตั้ง
5) สำเนาทะเบียนบ้าน ใบสำคัญถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร หรือหลักฐานการได้รับอนุญาตให้เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมืองของผู้แทนที่ได้รับแต่งตั้ง
6) คำรับรองของผู้ขอรับใบอนุญาตแสดงว่าผู้ขอรับใบอนุญาต กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้แทนที่ได้รับแต่งตั้งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542
7) หนังสือแจ้งรายละเอียดของประเภทธุรกิจที่ขอรับใบอนุญาต
8) แผนที่แสดงที่ตั้งโดยสังเขปของสถานที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย
9) หนังสือมอบอำนาจในกรณีที่มีการมอบอำนาจให้บุคคลอื่นเป็นผู้กระทำการแทน
10) หลักฐานหรือเอกสารอื่นๆ (ถ้ามี)
นิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทย
1) แบบ ต. 2
2) สำเนาหนังสือรับรองหรือหลักฐานการเป็นนิติบุคคลซึ่งแสดงรายการเกี่ยวกับชื่อ ทุน วัตถุประสงค์ ที่ตั้งสำนักงาน รายชื่อกรรมการและผู้มีอำนาจลงนามผูกพันนิติบุคคล
3) คำรับรองของผู้ขอรับใบอนุญาตแสดงว่าผู้ขอรับใบอนุญาต กรรมการ หรือผู้จัดการ มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542
4) หนังสือแจ้งรายละเอียดของประเภทธุรกิจที่ขอรับใบอนุญาต
5) หนังสือแจ้งสัดส่วนการถือหุ้นระหว่างคนไทยกับคนต่างด้าว จำนวนหุ้น ประเภทหรือชนิดของหุ้นที่คนต่างด้าวถือ
6) แผนที่แสดงที่ตั้งโดยสังเขปของสถานที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย
7) หนังสือมอบอำนาจในกรณีที่มีการมอบอำนาจให้บุคคลอื่นเป็นผู้กระทำการแทน
8) หลักฐานหรือเอกสารอื่นๆ (ถ้ามี)
การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว
ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542
ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ห้ามคนต่างด้าวประกอบธุรกิจ บางประเภท และบางประเภทจะประกอบธุรกิจได้ต่อเมื่อได้รับใบอนุญาตหรือได้รับหนังสือรับรองแล้วแต่กรณี
1. อย่างไรถือว่าเป็นคนต่างด้าว
บุคคลเหล่านีถื้อว่าเป็นคนต่างด้าว
(1) บุคคลธรรมดาซึ่งไม่มีสัญชาติไทย
(2) นิติบุคคลซึ่งไม่ได้จดทะเบียนในประเทศไทย
(3) นิติบุคคลซึ่งจดทะเบียนในประเทศไทยที่มีทุนตัง้ แต่กึ่งหนึ่งเป็นของบุคคลหรือนิติบุคคลตาม (1) หรือ (2)
(4) นิติบุคคลที่จดทะเบียนในประเทศไทยที่มีทุนตัง้ แต่กึ่งหนึ่งเป็นของ (1) (2) หรือ (3)
2. ประเภทธุรกิจที่กำหนดไว้ตามพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าว แยกเป็ น 3 บัญชี คือ
(1) บัญชีหนึ่ง เป็นธุรกิจที่ห้ามมิให้คนต่างด้าวประกอบธุรกิจด้วยเหตุผลพิเศษ
(1) การทำกิจการหนังสือพิมพ์ การทำกิจการสถานีวิทยุกระจายเสียงหรือสถานีวิทยุโทรทัศน์
(2) การทำนา ทำไร่ หรือทำสวน
(3) การเลีย้ งสัตว์
(4) การทำป่าไม้และการแปรรูปไม้จากป่าธรรมชาติ
(5) การทำการประมงเฉพาะการจับสัตว์นำ้ ในน่านนำ้ ไทยและในเขตเศรษฐกิจ จำเพาะของประเทศไทย
(6) การสกัดสมุนไพรไทย
(7) การค้าและการขายทอดตลาดโบราณวัตถุของไทย หรือที่มีคุณค่าทาง ประวัติศาสตร์ของประเทศ
(8) การทำหรือหล่อพระพุทธรูป และการทำบาตร
(9) การค้าที่ดิน
(2) บัญชีสอง ธุรกิจที่เกี่ยวกับความปลอดภัยหรือความมั่นคงของประเทศหรือมีผลกระทบ ต่อศิลปวัฒนธรรม จารีตประเพณี หัตถกรรมพืน้ บ้าน หรือทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คนต่างด้าวจะประกอบธุรกิจได้เมื่อได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรี โดยการอนุมัติของคณะรัฐมนตรี
หมวด 1 ธุรกิจที่เกี่ยวกับความปลอดภัยหรือความมั่นคงของประเทศ
(1) การผลิต การจำหน่าย และการซ่อมบำรุง
(ก) อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ดินปืน วัตถุระเบิด
(ข) ส่วนประกอบของอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และวัตถุระเบิด
(ค) อาวุธยุทโธปกรณ์ เรือ อากาศยาน หรือยานพาหนะทางการทหาร
(ง) อุปกรณ์หรือส่วนประกอบของอุปกรณ์สงครามทุกประเภท
(2) การขนส่งทางบก ทางนำ้ หรือทางอากาศในประเทศ รวมถึงกิจการการบิน ในประเท
หมวด 2 ธุรกิจที่มีผลกระทบต่อศิลปวัฒนธรรม จารีตประเพณี และหัตถกรรมพืน้ บ้าน
(1) การค้าของเก่า หรือศิลปวัตถุ ซึ่งเป็นงานศิลปกรรม หัตถกรรมของไทย
(2) การผลิตเครื่องไม้แกะสลัก
(3) การเลีย้ งไหม การผลิตเส้นไหมไทย การทอผ้าไหมไทย หรือการพิมพ์ลวดลาย ผ้าไหมไทย
(4) การผลิตเครื่องดนตรีไทย
(5) การผลิตเครื่องทอง เครื่องเงิน เครื่องถม เครื่องทองลงหิน หรือเครื่องเขิน
(6) การผลิตถ้วยชามหรือเครื่องปั้นดินเผาที่เป็นศิลปวัฒนธรรมไทย
หมวด 3 ธุรกิจที่มีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อม
(1) การผลิตนำ้ ตาลจากอ้อย
(2) การทำนาเกลือ รวมทัง้ การทำเกลือสินเธาว์
(3) การทำเกลือหิน
(4) การทำเหมือง รวมทั้งการระเบิดหรือย่อยหิน
(5) การแปรรูปไม้เพื่อทำเครื่องเรือนและเครื่องใช้สอย
(3) บัญชีสาม ธุรกิจที่คนไทยยังไม่มีความพร้อมที่จะแข่งขันในการประกอบกิจการกับ คนต่างด้าวคนต่างด้าวจะประกอบธุรกิจได้เมื่อได้รับอนุญาตจากอธิบดีโดยความเห็นชอบจากคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว
(1) การสีข้าว และการผลิตแป้งจากข้าวและพืชไร่
(2) การทำการประมง เฉพาะการเพาะเลีย้ งสัตว์นำ้
(3) การทำป่าไม้จากป่าปลูก
(4) การผลิตไม้อัด แผ่นไม้วีเนียร์ ชิปบอร์ด หรือฮาร์ดบอร์ด
(5) การผลิตปูนขาว
(6) การทำกิจการบริการทางบัญชี
(7) การทำกิจการบริการทางกฎหมาย
(8) การทำกิจการบริการทางสถาปัตยกรรม
(9) การทำกิจการบริการทางวิศวกรรม
(10) การก่อสร้าง ยกเว้น
(ก) การก่อสร้างสิ่งซึ่งเป็นการให้บริการพืน้ ฐานแก่ประชาชนด้านการ สาธารณูปโภคหรือการคมนาคมที่ต้องใช้เครื่องมือ เครื่องจักร เทคโนโลยี หรือความชำนาญในการก่อสร้างเป็นพิเศษโดยมีทุนขัน้ ต่ำของคนต่างด้าวตัง้ แต่ห้าร้อยล้านบาทขึน้ ไป
(ข) การก่อสร้างประเภทอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
(11) การทำกิจการนายหน้าหรือตัวแทน ยกเว้น
(ก) การเป็นนายหน้าหรือตัวแทนซือ้ ขายหลักทรัพย์หรือการบริการที่เกี่ยวกับการซือ้ ขายล่วงหน้าซึ่งสินค้าเกษตรหรือตราสารทางการเงินหรือ หลักทรัพย์
(ข) การเป็นนายหน้าหรือตัวแทนซือ้ ขายหรือจัดหาสินค้าหรือบริการที่จำเป็นต่อการผลิตหรือการให้บริการของวิสาหกิจในเครือเดียวกัน
(ค) การเป็นนายหน้าหรือตัวแทนซือ้ ขาย จัดซือ้ หรือจัดจำหน่ายหรือจัดหา ตลาดทัง้ ในประเทศและต่างประเทศเพื่อการจำหน่ายซึ่งสินค้าที่ผลิต ในประเทศหรือนำเข้ามาจากต่างประเทศ
อันมีลักษณะเป็นการประกอบธุรกิจระหว่างประเทศ โดยมีทุนขัน้ ต่ำของคนต่างด้าวตัง้ แต่หนึ่งร้อยล้านบาทขึน้ ไป
(ง) การเป็นนายหน้าหรือตัวแทนประเภทอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
(12) การขายทอดตลาด ยกเว้น
(ก) การขายทอดตลาดที่มีลักษณะเป็นการประมูลซือ้ ขายระหว่างประเทศ ที่มิใช่การประมูลซือ้ ขายของเก่า วัตถุโบราณ หรือศิลปวัตถุซึ่งเป็นงาน ศิลปกรรม หัตถกรรม หรือโบราณวัตถุของไทย หรือที่มีคุณค่าทาง ประวัติศาสตร์ของประเทศ
(ข) การขายทอดตลาดประเภทอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
(13) การค้าภายในเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือผลิตผลทางการเกษตรพืน้ เมืองที่ยังไม่มี กฎหมายห้ามไว้ยกเว้นการซือ้ ขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย โดยไม่มีการส่งมอบหรือรับมอบสินค้าเกษตรภายในประเทศ
(14) การค้าปลีกสินค้าทุกประเภทที่มีทุนขัน้ ต่ำรวมทัง้ สิน้ น้อยกว่าหนึ่งร้อยล้านบาท หรือที่มีทุนขัน้ ต่ำของแต่ละร้านค้า น้อยกว่ายี่สิบล้านบาท
(15) การค้าส่งสินค้าทุกประเภทที่มีทุนขัน้ ต่ำของแต่ละร้านค้าน้อยกว่าหนึ่งร้อยล้านบาท
(16) การทำกิจการโฆษณา
(17) การทำกิจการโรงแรม เว้นแต่บริการจัดการโรมแรม
(18) การนำเที่ยว
(19) การขายอาหารหรือเครื่องดื่ม
(20) การทำกิจการเพาะขยายหรือปรับปรุงพันธ์ุพืช
(21) การทำธุรกิจบริการอื่น ยกเว้นธุรกิจบริการที่กำหนดในกฎกระทรวง
ขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัท
มาดูกันตั้งแต่เริ่มแรกการเปิดบริษัทใหม่ การจดทะเบียนบริษัทอาจจะไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่มีเอกสารที่ต้องจัดทำค่อนข้างมาก และปัจจุบันทางกระทรวงพาณิชย์ได้ปรับเปลี่ยนให้การจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิและจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทสามารถจดในวันเดียวกันได้ ทำให้ระยะเวลาที่ใช้สั้นลง นอกจากนี้ยังลดจำนวนผู้เริ่มก่อการจาก 7 คนลดเหลือ 3 คน แต่ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าเรื่องเอกสารที่ต้องจัดทำยังเหมือนเดิมทุกอย่าง
1. ผู้ก่อการยื่นขอตรวจและจองชื่อบริษัท ด้วยแบบจองชื่อนิติบุคคล( จำหน่ายที่กรมทะเบียนการค้าราคาแผ่นละ 5 บาท) เพื่อตรวจสอบว่าชื่อที่จะใช้นั้นจะเหมือนหรืคล้ายกับชื่อที่คนอื่นได้จดทะเบียนไว้ก่อนหรือไม่ โดยยื่นแบบจองชื่อดังกล่าวแก่นายทะเบียนผู้ตรวจสอบชื่อ และปัจจุบันสามารถจองชื่อผ่านทางอินเตอร์เนตทางเว็บไซต์ https://oneaccounting.co.th/ ซึ่งจะทราบผลในวันถัดไปโดยจะแจ้งผลการจองชื่อผ่านทาง e-mail ของผู้จองชื่อนั้น เมื่อจองชื่อได้แล้วจะต้องขอจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิภายใน 30 วัน
2. เมื่อได้ชื่อแล้ว บุคคลซึ่งเป็นผู้ก่อการตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป เข้าชื่อกันจัดทำคำขอจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ์และเอกสารประกอบแล้วนำไปจดทะเบียน
3. เมื่อได้จดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิแล้ว ผู้ก่อการต้องจัดให้หุ้นของบริษัทที่คิดจะจัดตั้งขึ้นนั้น มีผู้เข้าชื่อจองซื้อหุ้นจนครบ
4. ดำเนินการประชุมจัดตั้งบริษัท โดยต้องส่งคำบอกกล่าวนัดประชุมให้ผู้จองหุ้นทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 7 วัน ก่อนวันประชุม
5. เมื่อได้ประชุมตั้งบริษัท และที่ประชุมได้แต่งตั้งกรรมการบริษัทแล้ว ผู้เริ่มก่อการต้องมอบหมายกิจการให้กรรมการบริษัทรับไปดำเนินการต่อไป
6. กรรมการบริษัทจัดการเรียกให้ผู้เริ่มก่อการและผู้ขอจองหุ้น ชำระค่าหุ้นอย่างน้อยร้อยละ 25 ของมูลค่าหุ้น
7. เมื่อได้รับเงินค่าหุ้นแล้ว กรรมการต้องจัดทำคำขอจดทะเบียนตั้งบริษัทและเอกสารประกอบ นำไปจดทะเบียนเป็นบริษัทภายใน 3 เดือน หลังจากการประชุมตั้งบริษัท