Contents
จดทะเบียนบริษัทอุบลราชธานี
อุบลราชธานี เป็นจังหวัดขนาดใหญ่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกสุดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและของประเทศไทย ทั้งยังเป็นตำบลที่ตั้งของเส้นเวลาหลักของประเทศ ที่เส้นแวง 105 องศาตะวันออก โดยเป็นจังหวัดแรกที่ได้เห็นดวงอาทิตย์ก่อนพื้นที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ จดทะเบียนบริษัทอุบลราชธานี
จังหวัดอุบลราชธานีเป็นเมืองใหญ่ริมฝั่งแม่น้ำมูลที่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมากว่า 200 ปี มีพื้นที่กว้างใหญ่ ภายหลังถูกแบ่งออกเป็นจังหวัดใหม่คือจังหวัดยโสธรในปี พ.ศ. 2515 และจังหวัดอำนาจเจริญในปี พ.ศ. 2536 ซึ่งถ้ารวมพื้นที่อีกสองจังหวัดที่แยกออกไป จังหวัดอุบลราชธานีจะมีพื้นที่เป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย
- คำขวัญประจำจังหวัด : อุบลเมืองดอกบัวงาม แม่นำสองสี มีปลาแซบหลาย หาดทรายแก่งหิน ถิ่นไทยนักปราชญ์ ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม งามล้ำเทียนพรรษา ผาแต้มก่อนประวัติศาสตร์ ฉลาดภูมิปัญญาท้องถิ่น ดินแดนอนุสาวรีย์คนดีศรีอุบล
- ตราประจำจังหวัด : รูปดอกบัวบานชูช่อพ้นน้ำ
- ต้นไม้ประจำจังหวัด : ต้นยางนา (Dipterocarpus alatus)
- ดอกไม้ประจำจังหวัด : ดอกบัว
- สัตว์น้ำประจำจังหวัด : ปลาเทโพหรือปลาปึ่ง (Pangasius larnaudii)
รับจดทะเบียนบริษัทอุบลราชธานีู จดทะเบียนบริษัทอุบลราชธานีู รับจดทะเบียนบริษัทจังหวัดอุบลราชธานีู จดทะเบียนบริษัทจังหวัดอุบลราชธานีู จดทะเบียนห้างหุ้นส่วนอุบลราชธานีู รับทำบัญชีอุบลราชธานีู ทำบัญชีอุบลราชธานีู รับวางระบบบัญชีอุบลราชธานีู วางระบบบัญชีอุบลราชธานีู รับตรวจสอบบัญชีอุบลราชธานีู ตรวจสอบบัญชีอุบลราชธานีู จังหวัดอุบลราชธานีู อำเภอเมืองอุบลราชธานี ศรีเมืองใหม่ โขงเจียม เขื่องใน เขมราฐ เดชอุดม นาจะหลวย น้ำยืน บุณฑริก ตระการพืชผล กุดข้าวปุ้น ม่วงสามสิบ วารินชำราบ พิบูลมังสาหาร ตาลสุม โพธิ์ไทร สำโรง ดอนมดแดง สิรินธร ทุ่งศรีอุดม นาเยีย นาตาล เหล่าเสือโก้ก สว่างวีระวงศ์ น้ำขุ่น
จดทะเบียนนิติบุคคลใหม่ แค่ 2 คน ตั้งบริษัทได้ เริ่มใช้ 7 ก.พ. 66
พาณิชย์แง้มข่าวดี พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 23) พ.ศ. 2565 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2565 มีผลบังคับใช้วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 สาระสำคัญ ลดจำนวนผู้เริ่มก่อการจัดตั้งบริษัทจำกัดจาก 3 คน เหลือแค่ 2 คน
วันที่ 6 ธันวาคม 2565 นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจในการจดทะเบียนนิติบุคคล ได้เสนอพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 23) พ.ศ. 2565 และพระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2565
ทั้งนี้ เพื่อปรับปรุงประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 ลักษณะ 22 หุ้นส่วนและบริษัทให้มีความทันสมัย รองรับการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาการของเทคโนโลยี ส่งเสริมให้จัดตั้งบริษัทจำกัดได้ง่ายขึ้น เพิ่มความคล่องตัวในการประกอบธุรกิจ อีกทั้งช่วยให้บริษัทจำกัดสามารถควบรวมกิจการได้มากกว่าหนึ่งลักษณะ
ซึ่งจะเป็นการเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันของประเทศและสร้างภาพลักษณ์อันดีในการประกอบธุรกิจ รองรับระบบเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ประการสำคัญที่สุดคือ ช่วยลดค่าใช้จ่ายและต้นทุนการดำเนินงานให้ผู้ประกอบธุรกิจตามนโยบายของรัฐบาลอีกทางหนึ่ง
การแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ในครั้งนี้ มีประเด็นที่เปลี่ยนแปลงหลายประการ ดังนี้ 1) การยื่นขอจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทสามารถยื่น ณ สำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทที่สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ หรือตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด จากเดิมสำนักงานใหญ่อยู่ในจังหวัดใดต้องจดทะเบียน ณ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดนั้นเท่านั้น
2) รัฐมนตรีมีอำนาจกำหนด ลด หรือยกเว้นค่าธรรมเนียมการจดทะเบียน การขอตรวจเอกสาร การขอสำเนาเอกสารพร้อมคำรับรอง และค่าธรรมเนียมอื่นที่เกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนและบริษัท หรือกำหนดค่าธรรมเนียมให้แตกต่างกันตามรูปแบบการทำธุรกรรมก็ได้ เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนใช้บริการผ่านระบบสารสนเทศมากขึ้น
3) บุคคลตั้งแต่ 2 ขึ้นไปจะเริ่มก่อการและตั้งเป็นบริษัทจำกัดก็ได้ จากเดิมต้อง 3 คนขึ้นไป 4) หนังสือบริคณห์สนธิที่จดทะเบียนไว้ หากไม่ดำเนินการจดทะเบียนบริษัทจำกัดภายใน 3 ปีสิ้นผลทันที จากเดิมที่ไม่มีอายุของการสิ้นผล ทำให้บุคคลอื่นไม่สามารถใช้ชื่อบริษัทที่ปรากฏในหนังสือบริคณห์สนธิที่จดทะเบียนไว้ได้
5) บริษัทใดมีตราประทับต้องประทับตราในใบหุ้นทุกใบ 6) ให้ธุรกิจนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้กับการประชุมกรรมการได้เพิ่มขึ้นอีกวิธีหนึ่ง นอกจากต้องมาประชุม ณ สถานที่นัดประชุมเท่านั้น 7) ยกเลิกการนำหนังสือเชิญประชุมไปลงประกาศในหนังสือพิมพ์ ยกเว้นในกรณีบริษัทจำกัดมีหุ้นชนิดออกให้แก่ผู้ถือที่ยังต้องโฆษณาในหนังสือพิมพ์ หรือในสื่ออิเล็กทรอนิกส์อยู่
จดทะเบียนบริษัท รับจดทะเบียนบริษัท
ให้บริการด้านการจัดตั้งธุรกิจ รับจดทะเบียนบริษัททุกประเภท ทั่วไทย รับเป็นที่ปรึกษาด้านบัญชี ภาษี ตรวจสอบภายใน เขียนแผนธุรกิจ การตลาด สื่อโฆษณา การเงิน แรงงาน กฎหมาย ด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์พร้อมด้วยบริการอย่างมีประสิทธิภาพ ราคาเป็นธรรมและซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา
1. งานด้านจดทะเบียนธุรกิจ ทุกประเภท
1.1 จดทะเบียนบริษัทจำกัด
1.2 จดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด
1.3 จดทะเบียนใบทะเบียนพณิชย์ (ร้านค้า)
1.4 จดทะเบียนห้างหุ้นส่วนสามัญ
1.5 จดทะเบียนห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล
1.6 จดทะเบียนบริษัทมหาชน
2. งานด้าน บัญชี
2.1 รับวางระบบบัญชี ทั้งระบบ หรือ เฉพาะ แผนก
2.2 รับจัดทำบัญชี รายเดือน รายปี ทำงบส่งผู้บริหาร
2.3 รับตรวจสอบบัญชี ตรวจกิจการ ( BOI ) โดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต (ประสบการณ์ งานตรวจ บริษัท องค์กร ขนาดใหญ่)
3. งานด้าน มูลนิธิ สมาคม องค์กรพัฒนาเอกชน "เอ็นจีโอ" (NGOs)
3.1 ให้คำปรึกษา งานจัดตั้ง มูลนิธิ และ สมาคม
3.2 ให้คำปรึกษา จัดอบรมสัมมนา การดำเนินงาน ของ มูลนิธิ และสมาคม
3.3 ให้คำปรึกษา การขออนุญาต ดำเนินงาน ของ องค์กรพัฒนาเอกชน "เอ็นจีโอ" (NGOs)
4. งานบริการ ด้านที่ปรึกษาทางธุรกิจ
4.1 ที่ปรึกษา ด้านการตลาด การประชาสัมพันธ์ จัดงานแถลงข่าว เปิดตัวผลิตภัณฑ์
4.2 ที่ปรึกษา ด้านกฎหมาย การร่างสัญญา กฎหมายแรงงาน
4.3 ที่ปรึกษา ด้านการเงิน การเข้าถึงแหล่งเงินทุน การเขียนแผนเพื่อยื่นขอสินเชื่อ
5. งานบริการ ด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับ การดำเนิน ธุรกิจ
5.1 กาจดเปลี่ยนแปลง ที่ตั้งสำนักงาน เพิ่มสาขา เพิ่มทุนจดทะเบียน แก้กรรมการ เข้า-ออก แก้อำนาจกรรมการ เปลี่ยนชื่อบริษัท แปรสภาพห้างหุ้นส่วนเป็นบริษัทจำกัด
5.2 ขึ้นทะเบียนประกันสังคม ขอบัตร นำเข้า-ส่งออก ขอใบอนุญาตธุรกิจท่องเที่ยว
5.3 งานแปล และรับรองเอกสาร เอกสารราชการ การรับรองสัญชาติ
5.4 งานจดเครื่องหมายการค้า เครื่องหมายบริการ เครื่องหมายร่วม เครื่องหมายรับรอง ชื่อทางการค้า ความลับทางการค้า
5.5 งานขออนุญาตธุรกิจต่างด้าว ขอรับสิทธิส่งเสริมการลงทุน ( BOI )
5.6 ขออนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว
จดทะเบียนนิติบุคคลทุกประเภท และให้เราดูแลบัญชี รับฟรี
1.ค่าออกแบบ เว็บไซต์ มูลค่า 5,900 บาท
2.โดเมน .com .net .biz .org .info 1ปี มูลค่า 450 บาท
3.พื้นที่ โฮสติ้ง สำหรับจัดเก็บเว็บไซต์ 1 Gb 1ปี มูลค่า 1,000 บาท
4.ระบบ อีเมล์ บริษัท มูลค่า 2,000 บาท
สนใจ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมฟรี ได้ที่
โทร : 094-943-1414
ประวัติศาสตร์
พระประทุมวรราชสุริยวงศ์ (เจ้าคำผง) ดำรงฐานะ เจ้าประเทศราช เป็นผู้ก่อตั้งเมืองอุบลราชธานี เจ้าคำผงเป็นโอรสของพระเจ้าตาและเจ้านางบุศดี (เชื้อสายราชวงศ์เชียงรุ้ง สิบสองปันนา) สมภพเมื่อปี พ.ศ. 2252 ที่นครเวียงจันทน์ เสกสมรสกับเจ้านางตุ่ยธิดาเจ้าอุปราช (ธรรมเทโว) พระอนุชาของพระเจ้าองค์หลวง (ไชยกุมาร) เจ้านครจำปาศักดิ์ ได้รับแต่งตั้งเป็น พระประทุมสุรราช เมื่อปี พ.ศ. 2323 อันเป็นตำแหน่งนายกกองใหญ่คุมเลก (ไพร่) อยู่ที่บ้านดู่ บ้านแก ขึ้นกับนครจำปาศักดิ์ ปี พ.ศ. 2329 ได้ย้ายครอบครัวและไพร่พลจากบ้านดู่ บ้านแก มาตั้งบ้านเมืองใหม่ที่ตำบล ห้วยแจระแม โดยพระบรมราชาอนุญาตในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และตั้งชื่อ เมืองนี้ว่า "เมืองอุบล" จากการร่วมปราบกบฏอ้ายเชียงแก้วในปี พ.ศ. 2334 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึงโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้งพระประทุมสุรราช (เจ้าคำผง) เป็นพระประทุมวรราชสุริยวงศ์ และยกฐานะเมืองอุบลเป็น “เมืองอุบลราชธานีศรีวะนาไล ประเทษราช" เมื่อวันจันทร์ แรม 13 ค่ำ เดือน 8 จุลศักราช 1151 ตรงกับปี พ.ศ. 2335 พระประทุมวรราชสุริยวงศ์ได้สร้างวัดหลวงเป็นวัดคู่เมืองขึ้นที่ริมฝั่งแม่น้ำมูล ซึ่งถือเป็นวัดแรกของเจ้าเมืองอุบลราชธานีคนนี้ พ.ศ. 2338 พระประทุมวรราชสุริยวงศ์ได้ถึงแก่พิราลัยเมื่อวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 12 ปีเถาะ จุลศักราช1157 รวมอายุได้ 86 ปี ดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองอุบลราชธานีศรีวะนาไล ประเทษราช อยู่ 3 ปี
เมื่อปีพุทธศักราช 2228 เกิด วิกฤติทางการเมืองในนครเชียงรุ้ง เพราะกลุ่มจีนฮ่อธงขาวยกกำลังปล้น เมืองเจ้านครเชียงรุ้งคือ เจ้าอินทกุมาร เจ้านางจันทกุมารี และเจ้าปางคำ ได้อพยพไพร่พลมาขอพึ่งบารมีพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราชของเวียงจันทน์ จึงโปรดให้นำไพร่พลไปตั้งเมืองที่หนองบัวลุ่มภู (ปัจจุบันเป็นจังหวัดหนองบัวลำภู) โดยตั้งชื่อเมืองว่า "นครเขื่อนขันธ์ กาบแก้วบัวบาน"
ต่อมาพระเจ้าสุริยวงศาธรรมิกราช ให้เจ้าปางคำเสกสมรสกับพระราชนัดดามีโอรส คือ เจ้าพระตา เจ้าพระวอซึ่งมีความสำคัญต่อเมืองอุบลราชธานีอย่างยิ่ง เพราะต่อมา ปีพุทธศักราช 2314 เกิดสงครามแย่งชิงอำนาจระหว่างเวียงจันทน์กับเมืองหนองบัวลุ่มภู โดยพระเจ้าสิริบุญสาร พระเจ้าแผ่นดินอาณาจักรล้านช้างเวียงจันทน์ ขอบุตรธิดาของเจ้าพระตา เจ้าพระวอ ไปเป็นนางห้ามและนางสนม แต่เจ้าพระตา เจ้าพระวอ ไม่ยอมยกให้ ทำให้พระเจ้าจ้าสิริบุญสาร ส่งกองทัพมาตีเมืองหนองบัวลุ่มภู เจ้าพระตา เจ้าพระวอ ยกกองทัพออกต่อสู้ จนกองทัพเวียงจันทน์ต้องพ่ายกลับไปหลายครั้ง
สงครามระหว่างเวียงจันทน์กับเมืองหนองบัวลุ่มภู ต่อสู้กินเวลายาวนานถึง 3 ปี ไม่มีผลแพ้ชนะกัน พระเจ้าสิริบุญสารได้ส่งทูตไปขอกองทัพพม่าที่เมืองนคร เชียงใหม่ ให้มาช่วยตีเมืองหนองบัวลุ่มภู โดยมีเงื่อนไขเวียงจันทน์ยอมเป็นเมืองขึ้นของพม่า กองทัพพม่าที่เมืองเชียงใหม่ จึงให้ม่องระแง คุมกองทัพมาช่วยเจ้าสิริบุญสารรบ เมื่อฝ่ายเจ้าพระตาทราบข่าวศึก คะเนคงเหลือกำลังที่จะต้านศึกกองทัพใหญ่กว่าไว้ได้ จึงให้เจ้าคำโส เจ้าคำขุย เจ้าก่ำ เจ้าคำสิงห์ พาไพร่พล คนชรา เด็ก ผู้หญิง พร้อมพระสงฆ์ อพยพมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อหาที่สร้างบ้านแปลงเมืองใหม่ไว้รอท่า หากแพ้สงครามจะได้อพยพติดตามมาอยู่ด้วย
โดยแรกได้มาตั้งเมืองที่บ้านสิงห์โคก บ้านสิงห์ท่า (ปัจจุบันคือจังหวัดยโสธร) และการสู้รบในครั้งสุดท้าย เจ้าพระตาถึงแก่ความตายในสนามรบ เจ้าพระวอผู้เป็นบุตรชายคนโต พร้อมด้วยพี่น้องคือ นางอุสา นางสีดา นางแสนสีชาด นางแพงแสน เจ้าคำผง เจ้าทิตพรหม และนางเหมือนตา ได้หลบหนีออกจากเมืองมารับเสบียงอาหารจากบ้านสิงห์โคก สิงห์ท่า แล้วผ่านลงไปตั้งเมืองที่ "ดอนมดแดง" พร้อมขอพึ่งพระเจ้าองค์หลวงไชยกุมาร แห่งนครจำปาศักดิ์ ฝ่ายเจ้าสิริบุญสารทราบข่าวการตั้งเมืองใหม่ จึงให้อัคฮาดหำทอง และพญาสุโพ ยกกองทัพมาตีเจ้าพระวอสู้ไม่ได้ และเสียชีวิตในสนามรบ เจ้าคำผงผู้น้องจึงขึ้นเป็นหัวหน้ากลุ่ม พร้อมมีใบบอกลงไปที่เมืองนครราชสีมา และกรุงธนบุรี เพื่อขอพึ่งบารมีพระเจ้ากรุงธนบุรี ซึ่งให้ เจ้าพระยาจักรี (ทองด้วง) และเจ้าพระยาสุรสีห์ (บุญมา) ยกกองทัพมาช่วยเจ้าคำผง ด้านพญาสุโพรู้ข่าวศึกของเจ้ากรุงธนบุรี จึงสั่งถอยทัพกลับเวียงจันทน์ แต่เจ้าพระยาจักรีและเจ้าพระยาสุรสีห์ ได้เดินทัพติดตามทัพเวียงจันทน์ จนสามารถเข้ายึดเมืองได้สำเร็จ จึงได้อัญเชิญพระแก้วมรกต พร้อมคุมตัวเจ้าสิริบุญสารไปกรุงธนบุรี ส่วนเจ้าคำผงหลังเสร็จศึกได้กลับไปตั้งเมืองอยู่ที่ดอนมดแดงเหมือนเดิม กระทั่งปีพุทธศักราช 2319 เกิดน้ำท่วมใหญ่ เจ้าคำผงจึงอพยพไพร่พลไปอยู่ที่ดอนห้วยแจระแม (ปัจจุบัน คือบ้านท่าบ่อ) รอจนน้ำลด แล้วจึงหาทำเลที่ตั้งเมืองใหม่ที่ที่ตำบลบ้านร้าง เรียกว่า ดงอู่ผึ้งริมฝั่งแม่น้ำมูลอันเป็นที่ตั้งของจังหวัดอุบลราชธานีในปัจจุบัน เมื่อปีพุทธศักราช 2320 พร้อมกับได้สร้างพระอารามหลวงขึ้นเป็นวัดแรก
ต่อมาปีพุทธศักราช 2322 พระเจ้ากรุงธนบุรี โปรดเกล้าฯให้เจ้าพระยาราชสุภาวดี เชิญท้องตราขึ้นมาตั้งเป็นเมืองอุบลราชธานี พร้อมให้เจ้าคำผงเป็นเจ้าเมืองในราชทินนาม "พระประทุมราชวงศา" เจ้าทิตพรหมเป็นพระอุปฮาด เจ้าก่ำเป็นราชวงศ์ เจ้าสุดตาเป็นราชบุตร โดยเป็นคณะอาญาสี่ชุดแรกของเมืองอุบลราชธานี จนถึงกาลเปลี่ยนแผ่นดินปีพุทธศักราช 2334 สมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก เกิดขบถอ้ายเชียงแก้วเขาโอง ยกกำลังมาตีเมืองนครจำปาศักดิ์ เจ้าฝ่ายหน้าผู้น้องพระประทุมราชวงศาได้ยกกำลังไปรบ สามารถจับอ้ายเชียงแก้วได้ และทำการประหารชีวิตที่บริเวณแก่งตะนะ
ในปีถัดมาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาเมืองอุบลขึ้นเป็นเมืองประเทศราช แต่งตั้งให้พระประทุมราชวงศาเป็นพระประทุมวรราชสุริยวงศ์ (คำผง) เจ้าครองเมือง เมืองอุบลราชธานีศรีวนาลัยประเทศราช พระราชทานพระสุพรรณบัตร และเครื่องยศเจ้าเมืองประเทศราช พร้อมทำพิธีสบถสาบานถือน้ำพิพัฒน์สัตยา เมื่อวันจันทร์ เดือน 8 แรม 13 ค่ำ จุลศักราช 1154 ปีชวด จัตวาศก ตรงกับวันที่ 16 กรกฎาคม 2335 โดยเป็นเจ้าเมืองคนแรกของอุบลราชธานี ถึงปี 2338 พระพรหมวรราชสุริยวงศ์ (ทิดพรหม) น้องชายเจ้าพระประทุม จึงได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองอุบลราชธานีคนต่อมา รวมมีเจ้าเมืองอุบลราชธานี ที่พระมหากษัตริย์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งทั้งสิ้น 4 ท่าน
ภายหลังการก่อตั้งเมืองอุบลฯ แล้ว ก็ได้มีการตั้งเมืองสำคัญในเขตปกครองของจังหวัดอุบลราชธานีขึ้นอีกหลายเมือง เช่น ปี พ.ศ. 2357 โปรดฯให้ตั้งบ้านโคกพเนียง เป็นเมืองเขมราฐธานี
ปี พ.ศ. 2366 ยกบ้านนาคอขึ้นเป็นเมืองโขงเจียง (โขงเจียม) โดยขึ้นกับนครจำปาศักดิ์
ปี พ.ศ. 2388 ในรัชกาลที่ 3 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกบ้านช่องนางให้เป็นเมืองเสนางคนิคม ยกบ้านน้ำโดมใหญ่ขึ้นเป็นเมืองเดชอุดม ให้หลวงอภัยเป็นหลวงยกบัตรหลวงมหาดไทยเป็นหลวงปลัด ตั้งหลวงธิเบศร์เป็นพระศรีสุระ เป็นเจ้าเมือง รักษาราชการแขวงเมืองเดชอุดม
ปี พ.ศ. 2390 ตั้งบ้านดงกระชุหรือบ้านไร่ ขึ้นเป็นเมืองบัวกัน ต่อมาได้เปลี่ยนมาเป็นเมืองบัวบุณฑริก หรืออำเภอบุณฑริกในปัจจุบัน
ปี พ.ศ. 2401 ตั้งบ้านค้อใหญ่ ให้เป็นเมือง ขอตั้งท้าวจันทบรม เป็นพระอมรอำนาจ เป็นเจ้าเมือง ตั้งท้าวบุตตะเป็นอุปฮาด ให้ท้าวสิงหราชเป็นราชวงศ์ ท้าวสุริโยเป็นราชบุตร รักษาราชการเมืองอำนาจเจริญขึ้นกับเมืองเขมราฐ
ปี พ.ศ. 2406 ในรัชกาลที่ 4 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งบ้านกว้างลำชะโด ตำบลปากมูล เป็นเมืองพิบูลมังสาหารและให้ตั้งบ้านสะพือ เป็นเมืองตระการพืชผล ตั้งท้าวสุริยวงษ์ เป็นพระอมรดลใจ เป็นเจ้าเมือง
ปี พ.ศ. 2422 ในรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งบ้านท่ายักขุเป็นเมืองชานุมานมณฑล และให้ตั้งบ้านเผลา (บ้านพระเหลา) เป็นเมืองพนานิคม
ปี พ.ศ. 2423 โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งบ้านนากอนจอ เป็นเมืองวารินชำราบ
ปี พ.ศ. 2424 โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งบ้านจันลานาโดม เป็นเมืองโดมประดิษฐ์ (ปัจจุบันเป็นหมู่บ้านที่อำเภอน้ำยืน)
ปี พ.ศ. 2425 โปรดเกล้าฯ ให้ตั้งบ้านทีเป็นเมืองเกษมสีมา ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็นอำเภอม่วงสามสิบนั่นเอง
อุบลราชธานี จึงเป็นเมืองที่มีเขตการปกครองอย่างกว้างขวางที่สุด ทางด้านตะวันออกของภาคอีสานตอนล่างครอบคลุมที่ราบและแม่น้ำสายสำคัญของภาค อีสานถึง 3 สายด้วยกัน คือ แม่น้ำชี แม่น้ำมูล และแม่น้ำโขง อีกทั้งยังมีแม่น้ำสายเล็กๆที่มีกำเนิดจากเทือกเขาในพื้นที่ เช่น ลำเซบก ลำเซบาย ลำโดมใหญ่ เป็นต้น นางอุบล วังเจริญไพศาล นายยกเทศมลตรี
แม่น้ำทั้งหลายเหล่านี้ไหลผ่านที่ราบทางด้านเหนือและทางด้านใต้ทอด เป็นแนวยาวสู่ปากแม่น่ำมูลและแม่น้ำโขง ยังความอุดมสมบูรณ์ให้แก่พื้นที่ในบริเวณแถบนี้ทั้งหมด ทำให้เกิดสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมแก่การดำรงชีวิตของมนุษย์และสัตว์มาแต่ โบราณกาล [3]
ในปี พ.ศ. 2476 ได้มีการยกเลิกมณฑลทั้งประเทศ จังหวัดอุบลราชธานีซึ่งแยกออกมาจากมณฑลนครราชสีมาในขณะนั้น ได้กลายเป็นจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย หลังจากนั้นจังหวัดอุบลราชธานีก็ได้ถูกแบ่งออก โดยอำเภอยโสธรและอำเภอใกล้เคียงเป็นจังหวัดยโสธร ในปี พ.ศ. 2515 และต่อมาปี 2536 ได้ถูกแบ่งอีกครั้ง โดยอำเภออำนาจเจริญและอำเภอใกล้เคียงเป็นจังหวัดอำนาจเจริญ ปัจจุบันจังหวัดอุบลราชธานีมีพื้นที่เป็นอันดับ 5 ของไทย และมีประชากรลำดับที่ 3 ของประเทศ
จังหวัดอุบลราชธานีแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 25 อำเภอ 219 ตำบล 2469 หมู่บ้าน ได้แก่
1. อำเภอเมืองอุบลราชธานี
2. อำเภอศรีเมืองใหม่
3. อำเภอโขงเจียม
4. อำเภอเขื่องใน
5. อำเภอเขมราฐ
7. อำเภอเดชอุดม
8. อำเภอนาจะหลวย
9. อำเภอน้ำยืน
10. อำเภอบุณฑริก
11. อำเภอตระการพืชผล
12. อำเภอกุดข้าวปุ้น
14. อำเภอม่วงสามสิบ
15. อำเภอวารินชำราบ
19. อำเภอพิบูลมังสาหาร
20. อำเภอตาลสุม
21. อำเภอโพธิ์ไทร
22. อำเภอสำโรง
24. อำเภอดอนมดแดง
25. อำเภอสิรินธร
26. อำเภอทุ่งศรีอุดม
29. อำเภอนาเยีย
30. อำเภอนาตาล
31. อำเภอเหล่าเสือโก้ก
32. อำเภอสว่างวีระวงศ์
33. อำเภอน้ำขุ่น
บริการจัดทำแบบภาษีและนำส่งสรรพากร และประกันสังคมรายเดือน พร้อมบริการยื่นชำระภาษี
One Accounting ให้บริการจดทะเบียนบริษัทแก่ทุกท่านที่ต้องการก่อตั้งธุรกิจขึ้นใหม่ หรือบางท่านที่มีธุรกิจอยู่แล้ว เพื่อลดภาระความยุ่งยากของท่าน ในเรื่องขั้นตอนการก่อตั้งธุรกิจใหม่ การแก้ไขเปลี่ยนแปลงธุรกิจ การขอใบอนุญาติประกอบธุรกิจต่างๆ การขอวีซ่าและใบอนุญาตทำงานให้ลูกจ้างหรือผู้บริหารชาวต่างชาติของบริษัท โดยที่ท่านไม่ต้องมากังวลเรื่องการติดต่อหน่วยงานราชการ การกรอกแบบฟอร์มคำร้องต่างๆ การต้องจัดเตรียมเอกสารที่ใช้ซึ่งไม่ทราบว่าจะหาได้จากที่ใดจนทำให้ท่านต้องเสียเวลาอันมีค่าของท่านไป
One Accounting จึงขอเสนอรับใช้ท่านโดยทีมงานที่มีประสบการณ์พร้อมด้วยบริการอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถตรวจสอบได้ ราคาเป็นธรรมและซื่อสัตย์ตรงไปตรงมา ทีมงานเราพร้อมที่จะช่วยลดภาระความยุ่งยากและขจัดปัญหาเหล่านี้ของท่านและหรือองค์กรของท่าน เพียงติดต่อมายัง One Accounting เท่านั้นปัญหาต่างๆ เหล่านี้จะหมดไป โทรสายด่วน: 094-869-1111 , 084-622-5555
ภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ การเมือง ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ไม่แน่นอน ส่งผลให้ผู้ประกอบกิจการส่วนตัว บริหารงานอย่างยากลำบาก อีกทั้งการเกิดใหม่ของคู่แข่งทางการค้าอย่างไม่จำกัด ทางบริษัทจึงมีความยินดีที่จะเสนอ บริการ ต่างๆเข้ามาเพื่อแบ่งเบาภาระ ลดขั้นตอนการทำงาน ช่วยประหยัดเวลาอันมีค่า อีกทั้งเพื่อความถูกต้อง ตรงเวลา ตามที่กฎหมายกำหนด โดยมีบริการ ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งตลอดจนลูกค้าสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคง
รับยื่นภาษีบุคคลธรรมดา ร้านค้า(ใบทะเบียนพาณิชย์) ห้างหุ้นส่วนสามัญ คณะบุคคล
บริการด้านบัญชี
- บันทึก บัญชีด้วยโปรแกรมบัญชีสำเร็จรูปที่กรมสรรพากรรับรองและจัดทำบัญชีให้ครบถ้วน ตามที่กฎหมายกำหนดให้จัดทำ ได้แก่ สมุดเงินสด สมุดเงินฝากธนาคาร สมุดรายวันซื้อ สมุดรายวันขาย สมุดรายวันรับ-จ่าย สมุดรายวันทั่วไป และสมุดบัญชีแยกประเภท
- จัดทำงบการเงินให้ทุกรอบ 6 เดือนและรายปี พร้อมจัดทำพร้อมรายละเอียดประกอบงบ ได้แก่ งบทดลอง งบกระทบยอดเงินฝากธนาคาร จัดทำบัญชีทรัพย์สิน จัดทำรายละเอียดบัญชีลูกหนี้และบัญชีเจ้าหนี้
- จัดทำงบกำไรขาดทุนประจำเดือน (Draft)
- ลงทะเบียนเป็นผู้ทำบัญชี
- จัดทำบัญชีเงินเดือน คำนวณเงินเดือน ค่าล่วงเวลา ค่าเบี้ยขยัน ค่าพาหนะ อื่นๆ
บริการตรวจสอบบัญชี/ปิดงบการเงินสิ้นปี (Audit Service)
- จัดทำงบแสดงฐานะการเงิน,งบกำไรขาดทุน และหมายเหตุประกอบงบการเงินตามที่กฎหมายกำหนด
- ตรวจสอบงบการเงินประจำปี โดยผู้ตรวจสอบที่ได้รับอนุญาต (CPA) และนำส่งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- จัดทำเอกสารเพื่อนำส่งงบการเงินยื่นกรมสรรพากรและกระทรวงพาณิชย์(ภงด.50,ภงด.51,บอจ.5,ส.บช.3)
- จัดเตรียม ข้อมูล เอกสารเพื่อนำส่งงบ กับกระทรวงพาณิชย์ ผ่าานระบบ DBD e-Filing
บริการจัดทำบัญชีและยื่นภาษี รายเดือน (Accounting and Tax Service)
- บริการจัดทำภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายประจำเดือนพร้อมยื่นแบบภาษีเงินได้ ( ภงด.1 , ภงด.3 , ภงด.53 )
- บริการจัดทำรายงาน ภาษีซื้อ-ขาย ประจำเดือนพร้อมยื่นแบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภพ.30 ภพ.36)
- บริการจัดทำเงินเดือนและจัดทำแบบนำส่งประกันสังคม,กองทุนทดแทนพร้อมทั้งนำส่งประกันสังคม
- บริการจัดทำบัญชีสมุดรายรับ-จ่าย รายวันซื้อ-ขาย รายวันทั่วไปและสมุดบัญชีแยกประเภททั่วไป เป็นต้น
- บริการให้คำปรึกษาปัญหาภาษีตลอดปี วางระบบเอกสารบัญชี ภาษีอากร และวางแผนภาษีเพื่อให้กิจการของท่านประหยัดภาษี
บริการด้านอื่นๆของเรา
- ให้คำปรึกษาปัญหาภาษีอากร
- จดทะเบียนบริษัท จดทะเบียนพาณิชย์
- ให้คำปรึกษา ปัญหาด้านกฎหมาย
- ให้คำปรึกษา ด้านแหล่งเงินทุน การเขียนโครงการเพื่อยื่นกู้
- ให้คำแนะนำวิธีการบัญชี เพื่อผลด้านภาษีอากรที่ดีและถูกต้อง
- ให้คำแนะนำระบบบัญชี เอกสารเบื้องต้นที่จำเป็นในการบันทึกบัญชี
- ให้คำปรึกษา ด้านการตลาดทั่วไปและตลาดออนไลน์ วิเคราะห์คู่แข่งทางการค้า
- ให้คำปรึกษา เรื่องเอกสารการออกบิล การทำสต๊อกสินค้า การจัดเก็บเอกสาร
- ให้คำปรึกษา ด้านทำเล จัดหาที่จดตั้งบริษัท รับแฟ็ก ส่งเอกสาร วางบิล เก็บเช็ค
รับจดทะเบียนบริษัททั่วไทย
จดทะเบียนบริษัทภาคใต้
จดทะเบียนบริษัทยะลา : จดทะเบียนบริษัทสุราษฎร์ธานี : จดทะเบียนบริษัทสงขลา : จดทะเบียนบริษัทสตูล : จดทะเบียนบริษัทระนอง : จดทะเบียนบริษัทภูเก็ต : จดทะเบียนบริษัทพัทลุง : จดทะเบียนบริษัทพังงา : จดทะเบียนบริษัทปัตตานี : จดทะเบียนบริษัทนราธิวาส : จดทะเบียนบริษัทนครศรีธรรมราช : จดทะเบียนบริษัทตรัง : จดทะเบียนบริษัทชุมพร : จดทะเบียนบริษัทกระบี่
จดทะเบียนบริษัทภาคตะวันตก
จดทะเบียนบริษัทราชบุรี : จดทะเบียนบริษัทเพชรบุรี : จดทะเบียนบริษัทประจวบคีรีขันธ์ : จดทะเบียนบริษัทตาก : จดทะเบียนบริษัทกาญจนบุรี
จดทะเบียนบริษัทภาคตะวันออก
จดทะเบียนบริษัทสระแก้ว : จดทะเบียนบริษัทระยอง : จดทะเบียนบริษัทปราจีนบุรี : จดทะเบียนบริษัทตราด : จดทะเบียนบริษัทชลบุรี : จดทะเบียนบริษัทฉะเชิงเทรา : จดทะเบียนบริษัทจันทบุรี
จดทะเบียนบริษัทภาคกลาง
จดทะเบียนบริษัทนครสวรรค์ : จดทะเบียนบริษัทอุทัยธานี : จดทะเบียนบริษัทอ่างทอง : จดทะเบียนบริษัทสระบุรี : จดทะเบียนบริษัทสุพรรณบุรี : จดทะเบียนบริษัทสุโขทัย : จดทะเบียนบริษัทสิงห์บุรี : จดทะเบียนบริษัทสมุทรสาคร : จดทะเบียนบริษัทสมุทรสงคราม : จดทะเบียนบริษัทสมุทรปราการ : จดทะเบียนบริษัทลพบุรี : จดทะเบียนบริษัทเพชรบูรณ์ : จดทะเบียนบริษัทพิษณุโลก : จดทะเบียนบริษัทพิจิตร : จดทะเบียนบริษัทพระนครศรีอยุธยา : จดทะเบียนบริษัทปทุมธานี : จดทะเบียนบริษัทนนทบุรี : จดทะเบียนบริษัทนครปฐม : จดทะเบียนบริษัทนครนายก : จดทะเบียนบริษัทชัยนาท : จดทะเบียนบริษัทกำแพงเพชร
จดทะเบียนบริษัทภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
จดทะเบียนบริษัทอำนาจเจริญ : จดทะเบียนบริษัทอุบลราชธานี : จดทะเบียนบริษัทหนองบัวลำภู : จดทะเบียนบริษัทหนองคาย : จดทะเบียนบริษัทศรีสะเกษ : จดทะเบียนบริษัทสุรินทร์ : จดทะเบียนบริษัทสกลนคร : จดทะเบียนบริษัทเลย : จดทะเบียนบริษัทร้อยเอ็ด : จดทะเบียนบริษัทยโสธร : จดทะเบียนบริษัทมุกดาหาร : จดทะเบียนบริษัทมหาสารคาม : จดทะเบียนบริษัทบุรีรัมย์ : จดทะเบียนบริษัทบึงกาฬ : จดทะเบียนบริษัทนครราชสีมา : จดทะเบียนบริษัทนครพนม : จดทะเบียนบริษัทชัยภูมิ : จดทะเบียนบริษัทขอนแก่น : จดทะเบียนบริษัทกาฬสินธุ์ : จดทะเบียนบริษัทอุดรธานี
จดทะเบียนบริษัทภาคเหนือ
จดทะเบียนบริษัทอุตรดิตถ์ : จดทะเบียนบริษัทลำพูน : จดทะเบียนบริษัทลำปาง : จดทะเบียนบริษัทแม่ฮ่องสอน : จดทะเบียนบริษัทแพร่ : จดทะเบียนบริษัทพะเยา : จดทะเบียนบริษัทน่าน : จดทะเบียนบริษัทเชียงใหม่ : จดทะเบียนบริษัทเชียงราย